แบบบ้านโมเดิร์นทรอปิคอล

แบบบ้านโมเดิร์นทรอปิคอล

แบบบ้านโมเดิร์นทรอปิคอล ปัจจุบันบ้านสไตล์โมเดิร์น ทรอปิคอลได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ ต้องการซื้อบ้านพักอาศัย ซึ่งบ้านสไตล์นี้ มีการออกแบบที่ เป็นเอกลักษณ์เข้ากับ สภาพอากาศร้อนชื้น ทำให้มีรูปแบบที่น่าอยู่ ทันสมัย จึงมัดใจคนรุ่นใหม่ได้ไม่ยาก นอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว บ้านสไตล์โมเดิร์นทรอปิคอล ยังมีข้อดีต่างๆ ที่หลายคนอาจนึกไม่ถึง ซึ่งจะมีอะไรบ้างเรา ไปหาคำตอบพร้อมๆ กันเลย

บ้านโมเดิร์นทรอปิคอล คือบ้านโมเดิร์นที่ตกแต่งให้ เข้ากับบรรยากาศ และอากาศร้อนชื้นอย่างประเทศไทย ซึ่งจะตกแต่งสไตล์ทันสมัยเรียบง่าย เน้นการใช้วัสดุธรรมชาติ และเน้นการออกแบบให้บ้านมีพื้นที่โปร่ง โล่ง พร้อมมีหน้าต่างเพื่อให้แสงแดดส่องเข้าไปในบ้าน ทำให้ถ่ายเท อากาศได้ดีกว่าปกติ นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลาย คนถูกใจบ้านสไตล์โมเดิร์นทรอปิคอล

แบบบ้านโมเดิร์นทรอปิคอล

สไตล์ทรอปิคอล คือการนำธรรมชาติ เข้ามาไว้ภายในโทนสีที่พบในงาน จึงเป็นโทนสีที่สะท้อน องค์ประกอบต่างๆ ตามธรรมชาติตั้งแต่ สีเขียวสดของใบไม้ สีแสดของพันธุ์ไม้ต่างๆตลอด จนสีน้ำตาลของพื้นดินด้วยเป็นต้น นอกจากนี้การสร้างบรรยากาศ ที่ปลอดโปร่ง มีลม และแสงสว่างที่เพียงพอเหมาะสม โดยสามารถเปิดรับ สัมผัสกับความเป็นธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ก็เป็นส่วนสำคัญ ที่จะทำให้การตกแต่ง สไตล์นี้ดูโดดเด่น มีชีวิตชีวา และน่าอยู่มากขึ้น

แบบที่ 1 บ้านสไตล์โมเดิร์นทรอปิคอล กับหลังคาที่เป็นฉากบังแสง

แบบบ้านโมเดิร์นทรอปิคอล

บ้านนี้ชื่อ Bernaung เป็นภาษาอินโดนีเซีย ที่หมายถึงเกราะกำบังหรือร่มเงา ซึ่งเป็น DNA ที่ประทับอยู่ในบ้านแถบเขตร้อน ไม่เฉพาะอินโดนีเซียเท่านั้น บ้านเราก็ด้วยเช่นกัน ชื่อนี้เป็น concept การออกแบบบ้านที่เน้นย้ำว่าการใช้ชีวิตในเขตร้อนนั้นควรไปในทิศทางไหน

หากมองจากโครงการนี้จะเห็นว่ามีจังหวะของการบังแสง ใส่ช่องทางรับแสงธรรมชาติในปริมาณที่เหมาะสม ภายในสเปซโล่งกว้างและช่องเปิดรับลมในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งผลพลอยได้ยังทำให้เข้าถึงความยั่งยืนโดยใช้พลังงานน้อยที่สุด

บ้านสองชั้นพื้นที่ใช้สอย 400 ตารางเมตร หลังนี้ สร้างอยู่ใน Tangerang จังหวัด Banten ประเทศอินโดนีเซีย จากด้านหน้าเราจะถูกดึงดูดความสนใจจากประตูรั้ววัสดุไม้ทึบคาดเส้นเหล็กสีดำ วัสดุและสีล้อไปกับตัวอาคารที่คุมธีมเดียวกัน ส่วนต่อไปที่ต้องโฟกัสสายตา คือ หลังคาสไตล์โมเดิร์นแบบองศาไม่เท่า เส้นสายคมชัด ปลายหลังคาด้านหนึ่งไหลลงต่ำยื่นมาทำหน้าที่ชายคาปกป้องด้านข้าง พร้อมกับแผงผนังทึบที่เหมือนวางทับเสียบลงไปตรงผนังของอาคารเล็กๆ ช่วยป้องกันภายในจากแสงแดด

ตัวอาคารจะทอดยาวในแนวทแยงกับที่ดินที่มีรูปร่างสี่เหลี่ยม ล้อมกรอบความเขียวขจีโดยรอบจากภายใน การวางแนวอาคารแบบนี้เมื่อรวมเข้ากับการใส่ผนังกระจกใสในบริเวณกว้างตรงจุดที่กำหนดไว้จะทำให้มองเห็นสวนที่ยาวออกไปทุกด้าน สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้จากปลายทั้งสองด้านของอาคาร และยังสร้างภาพลวงตาของบ้านสวนที่กว้างขวางขึ้นภายในบริบทเมืองที่วุ่นวาย

แบบบ้านโมเดิร์นทรอปิคอล

การออกแบบภายในอาคารจะจัดเรียงกิจกรรมของผู้ใช้ทั้งหมดในระหว่างวันให้วนเป็นวงกลม หมุนเพื่อให้ได้แนวเหนือ-ใต้ทั้งหมด เพื่อเลี่ยงการปะทะกับทิศทางแสงโดยตรงในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นการปรับแสงธรรมชาติให้เหมาะสม ในขณะที่ลดการเปิดรับความร้อนเข้าสู่อาคาร โดยมีบันไดคอนกรีตโค้ง ๆ เป็นศูนย์กลางของบ้าน เหนือจุดนี้จะเป็นโถงสูงมี skylight ทำหน้าที่เป็นทั้งทิศทางการมองเห็นและปล่องลม เพื่อให้แน่ใจว่าบ้านมีการระบายอากาศตามธรรมชาติได้ดี

บันไดโค้งมีแผงกันตกวัสดุโปร่งใส ทำให้เหมือนกำลังลอยตัวอยู่อย่างท้าทายสายตา ข้างใต้จัดเป็นสวนเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้บ้านเหมือนเป็นลานกลางแจ้งดูสดชื่น เงยขึ้นไปบนเพดานภายในหุ้มด้วยไม้สีอ่อนแทรกด้วยช่องแสง skylight

ต่างจากในส่วนนั่งเล่นที่เพดานตกแต่งบล็อกแก้วเป็นผืนกว้างแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เพดานที่มีช่องทางให้แสงผ่านได้บ้างเหล่านี้ ทำหน้าที่เป็นผืนผ้าใบแบบเปิดสำหรับการเล่นแสงเงาตามธรรมชาติในตอนกลางวัน และยังสร้างองค์ประกอบแสงภายในให้บ้านเปล่งประกายของแสงสวย สำหรับยามค่ำคืน

ผนังบ้านเป็นแนวทแยงหลายชั้นจัดวางให้ประกบสวนขนาดเล็ก เป็นการออกแบบเพื่อเล่นกับช่องเปิดและระดับความกดอากาศที่แตกต่างกัน รวมถึงทิศทางของแสงในช่วงเวลาต่าง ๆ ของวันที่เปลี่ยนแปลงตลอด สถาปนิกเพียงแต่สังเกตการเดินทางแล้วบิด เบี่ยง ปกป้องบ้านจากแสงที่รุนแรงแต่ยังคงความสว่าง ซึ่งเป็นจุดแข็งของการใช้ชีวิตในเขตร้อน เพื่อให้ได้ความสะดวกสบายโดยใช้พลังงานน้อยที่สุด

ห้องนอนสามารถเปิดเชื่อมต่อสวนได้ เมื่อเปิดประตูบานเลื่อนออกก็จะได้รับอากาศใหม่ ให้ไหลเข้าสู่ภายในได้อย่างสบาย ในแต่ละห้องนอนจะทำโถงสูงที่เอื้อให้อากาศร้อนไหลขึ้นสู่ที่สูงได้ดี ในขณะเดียวกันก็มีพื้นที่ระหว่างหลังคาถึงพื้นมาก ช่วยลดทอนความร้อนจากหลังคาที่ค่อย ๆ แผ่ลงมาได้ดี

ห้องนอนสามารถเปิดเชื่อมต่อสวนได้

ผนังกระจกใสขนาดใหญ่ติดใต้หลังคา ให้ห้องนอนรับแสงจากองศามุมสูง ห้องนอนจึงสว่างโดยที่ไม่ได้รับผลกระทบจากความร้อนแม้จะมีพื้นที่กระจกมากก็ตาม

การออกแบบบ้านสไตล์ทรอปิคอลโมเดิร์น หรือบ้านเขตร้อนชื้น จะไม่พยายามปิดบ้านให้ทึบเพื่อหนีร้อน เพราะบ้านยังต้องการแสงในการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้นแนวทางในการออกแบบจะเน้นการเปิดให้อากาศร้อนไหลออกจากตัวบ้านได้ดี

มีช่องแสงช่วยลดความชื้นภายในในจังหวะที่เหมาะสม หลัก ๆ คือเลี่ยงการหันหน้าบ้านทางทิศตะวันตก การเลือกจุดที่ติดตั้งผนังกระจกด้านที่ไม่กระทบแสงตรงๆ มีฟาซาดช่วยกรองแสง ทำให้บ้านสว่างแต่ไม่ร้อน

แบบที่ 2 บ้านโมเดิร์นทรอปิคอล ใกล้ธรรมชาติ โชว์วัสดุธรรมชาติ

บ้านโมเดิร์นทรอปิคอล ใกล้ธรรมชาติ โชว์วัสดุธรรมชาติ

บ้านโมเดิร์น อาจจะนำเสนอเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมง่าย ๆ วัสดุมีทั้งของแพงหรูหราหรือใช้วัสดุธรรมชาติ แล้วแต่ Mood&Tone ของบ้านที่ต้องการนำเสนอ อย่างสถาปัตยกรรมนี้ที่ชื่อ Casa Uruguai ออกแบบโดย Occa Urbana Arquitetura

มีแนวคิดว่าอยากให้ที่นี่เป็นบ้านพักฤดูร้อน จึงออกแบบให้เหมาะกับสภาพภูมิอากาศ และเลือกใช้วัสดุที่เข้ากันได้ดี มีจังหวะการจัดวางช่องปิดและช่องเปิดที่ตอบโจทย์การใช้งาน บ้านก็จะมีช่องทางรับแสง ลม และมีพื้นที่ว่างให้ใช้ชีวิตได้อย่างผ่อนคลาย เชิญชวนให้มาพักผ่อนตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าไป

บ้านสองชั้นนี้ตั้งอยู่ใน Condomínio Sense ที่หาด Xangri-Lá ขนาดบ้าน 15×30 ม. หันหน้าไปทางทิศใต้มองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลสาบ บริบทที่แวดล้อมด้วยต้นไม้สีเขียวและน้ำ บวกกับความต้องการให้บ้านเข้ากันได้กับสิ่งแวดล้อม สถาปนิกจึงเลือกใช้วัสดุที่เป็นองค์ประกอบตามธรรมชาติ คอนกรีตเปลือย หินธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดความงามแบบร่วมสมัย และสิ่งที่พิเศษคือการทำฟาซาดไม้ที่ดูเผินๆ เหมือนผนังทึบ แต่จริงๆ ผนังนี้เป็นบานไม้ที่สามารถเปิดปิดได้ตามสถานการณ์

ส่วนสำคัญของบ้านอยู่ลึกเข้าไปข้างใน คือพื้นที่ทางสังคมที่กว้างขวาง เปิดเชื่อมต่อมายังโซนนั่งเล่นกลางแจ้งและสระว่ายน้ำสำหรับต้อนรับญาติและเพื่อนฝูงได้คราวละหลายๆ คนชานกลางแจ้งที่ต่อเนื่องมาจากผนังแผ่นหินทำให้โครงการที่สวยงามนี้มากขึ้น

ช่องว่างและผนังกระจกทำให้เห็นดวงอาทิตย์ที่เดินทางล้อมรอบบ้านในระหว่างวัน แสงอาทิตย์สะท้อนในสระว่ายน้ำและทะเลสาบที่อยู่ถัดลงไปในตอนกลางวัน ให้ความรู้สึกพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ และมีมุมที่นั่งชื่นชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินอันน่าประทับใจ

ออกแบบภายในโดยดีไซเนอร์ ฮัวเรซ ครูซ

อีกด้านหนึ่งของตัวบ้านหน้าตาไม่เหมือนจุดอื่นๆ เพราะใช้วัสดุคอนกรีตเปลือยในรูปแบบที่บริสุทธิ์ โดยตั้งใจโชว์เนื้อแท้ของวัสดุ ริ้วลายแม่แบบคอนกรีตแบบไม่ฉาบทับ ตัดกรอบหน้าต่างสร้างเส้นสายตาที่ชัดเจนขึ้นด้วยอลูมิเนียมสีดำ ไม่มีวัสดุอื่นๆ มาแทรก ทำให้บ้านมีด้านที่ดูดิบและแข็งแกร่ง บ้านเดี่ยว

การออกแบบภายในโดยดีไซเนอร์ ฮัวเรซ ครูซ เป็นไปตามแนวคิดล้อไปกับภาพลักษณ์ภายนอก เราจะเห็นพื้นกระเบื้องพอร์ซเลนสีเทาที่หมายถึงคอนกรีตเปลือย งานไม้สีสวยตามธรรมชาติ ตกแต่งเรียบหรูไม่ดูเชย ผนังแต่งเติมแผ่นหินธรรมชาติก็ยังมีในส่วนเตาผิงในสไตล์ธรรมชาติ (Natural Style) และเฟอร์นิเจอร์ในพื้นสีเทา องค์ประกอบทั้งหมดทำให้ภายในมีความหลากหลายทั้งความรู้สึกอบอุ่น เรียบเย็น เป็นธรรมชาติ คลาสสิค และโมเดิร์น

ชั้นแรกมีห้องนั่งเล่นที่มีเพดานสูงสองเท่า รวมกับพื้นที่ส่วนกูร์เมต์ ห้องสวีทสำหรับแขก และพื้นที่บริการอื่นๆ ของบ้าน สามารถมองเห็นวิวของทะเลสาบได้จากหลายด้าน เฉลียงบ้านออกแบบให้พื้นอยู่ในระดับเดียวกับบ้าน มีบานประตูกระจกที่เก็บเข้าด้านข้างได้หมด จึงสามารถเข้าออกได้สะดวกสบายแบบไม่มีอุปสรรค บนชั้นสองมีห้องสวีทสี่ห้อง

โดยสองห้องอยู่ทางทิศใต้พร้อมวิวทะเลสาบ และอีกสองห้องอยู่ทางทิศเหนือพร้อมวิวภูเขาบนชายฝั่ง สุดท้ายนี้ยังมีเฉลียงส่วนตัวสำหรับอ่านหนังสือและพักผ่อนท่ามกลางลมทะเล เป็นบ้านโมเดิร์นทรอปิคอลที่ชวนให้ใช้ชีวิตชิลๆ จนลืมวันลืมเวลา

สิ่งที่เป็นจุดโดเด่นหนึ่งของโครงการนี้ อยู่ที่การออกแบบประตูที่เปิดออกได้จนสุด ทำให้เกิดบ้านดูโปร่ง เบา อิสระเหมือนไร้ผนัง ทั้งยังเป็นแกนหลักของการระบายอากาศและแสงธรรมชาติ รวมถึงเป็นวิธีการเบลอขอบเขต ให้เกิดการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างพื้นที่ทางสังคมในบ้าน (indoor) สระว่ายน้ำ และสวน (outdoor)

ซึ่งการจะทำช่องเปิดแบบนั้นได้ต้องจัดการออกแบบผนัง free facade คือผนังด้านนอกไม่จำเป็นต้องรับน้ำหนัก แต่เปลี่ยนมาใช้ตัวเสารับน้ำหนักแทน ประตูกระจกจึงสามารถเปิดเลื่อนได้อิสระมากขึ้น